สำหรับอุปกรณ์ติดตั้งโครงสร้าง อย่าง “สกรู ปลายสว่าน (Self-Drilling Screw)” หลายคนจะทราบกันดีว่า อุปกรณ์ชนิดนี้มีปลายแหลมคล้ายดอกสว่าน ใช้สำหรับยึดเข้ากับโครงเหล็กหรือโครงไม้ในงานช่าง แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคน ที่ยังไม่ทราบถึงความแตกต่างด้านการใช้งานของหัวสกรูปลายสว่านทั้ง 4 แบบ ดังนั้นวันนี้ Sendo จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ สกรูปลายสว่าน แบบละเอียด พร้อมเปรียบเทียบลักษณะและการใช้งานสกรูปลายสว่านหัวทั้ง 4 แบบ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง หากใครที่กำลังหาข้อมูลด้านการใช้งานสกรูปลายสว่านอยู่ไม่ควรพลาด!
ทำความรู้จักกับ หัว 4 ประเภทของ สกรูปลายสว่าน มีอะไรบ้าง ?
สกรู ปลายสว่าน มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะของ หัวสกรู และ เกลียว ซึ่งแต่ละแบบเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยประเภทของสกรูปลายสว่านแบ่งออกเป็น 4 แบบหลักๆ ดังนี้
- หัวหกเหลี่ยม (Hex Head) – มีลักษณะหัวเป็นรูปหกเหลี่ยม ออกแบบมาเพื่อให้ขันด้วยประแจหกเหลี่ยม หรือดอกไขควงบิตหกเหลี่ยมโดยเฉพาะ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1.1 หัวหกเหลี่ยมพร้อมแหวนยาง EPDM
1.2 หัวหกเหลี่ยมพร้อมแหวนยางสังกะสี - หัวแบนแฉก (หัว F) – มีลักษณะหัวแบนเรียบเมื่อขันลงไปกับวัสดุ มักจะใช้กับงานที่ต้องการให้หัวสกรูจมลงไปเสมอกับพื้นผิว
- หัวกลมแฉก (หัว P) – มีลักษณะหัวกลมแบนคล้ายจาน มีขอบโค้ง ใช้กับโลหะแผ่นเหล็กบาง หรือวัสดุที่ต้องการให้หัวสกรูคงอยู่ด้านบนเพื่อช่วยยึดแรงกด
- หัวเวเฟอร์ (Wafer) – มีลักษณะหัวกว้างและแบนกว่าหัวกลม ช่วยกระจายแรงได้ดี ทำให้เมื่อขันสกรูเข้าไปแล้ว พื้นผิวจะเรียบเนียนและสวยงาม
เปรียบเทียบคุณสมบัติและการใช้งาน สกรูปลายสว่าน ต่างกันอย่างไร ?
เมื่อทราบถึงลักษณะของสกรูปลายสว่านแต่ละประเภทแล้ว ในหัวข้อนี้ Sendo ได้นำข้อมูลมาของสกรูปลายสว่านแต่ละประเภท มาเปรียบเทียบความแตกต่างด้านคุณสมบัติและการใช้งาน เพื่อเป็นคู่มือให้กับผู้ที่ต้องการใช้งานสกรูปลายสว่านเพิ่มเติม โดยมีดังนี้
สกรูหัวหกเหลี่ยม
ด้วยความที่หัวสกรูเป็นรูปหกเหลี่ยม จึงทำให้การขันแน่นหรือคลายสกรูทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- หัวหกเหลี่ยมพร้อมแหวนยาง EPDM – มีคุณสมบัติป้องกันน้ำซึมได้ดีมาก เนื่องจาก EPDM มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานหลังคาเหล็กเมทัลชีท แปเหล็ก งานโครงสร้างที่ต้องการซีลกันน้ำ
- หัวหกเหลี่ยมพร้อมแหวนยางสังกะสี – สามารถป้องกันน้ำซึมได้ดี แต่เมื่อใช้ไปนานๆ อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่า EPDM เหมาะกับใช้งานทั่วไปที่ต้องการแรงขันแน่น เช่น งานโครงสร้างเบา
การใช้งานของสกรูหัวหกเหลี่ยม มักจะนำไปใช้ในงานโครงสร้าง เช่น ยึดแปเหล็ก, ใช้กับกระเบื้องลอนคู่, ยึดวัสดุโลหะ, รั้ว, เมทัลชีท, แผ่นสังกะสี รวมถึงงานก่อสร้างอื่นๆ ที่ต้องการแรงขันสูง
หัวแบนแฉก (หัว F)
หัวแบนแฉก หรือ หัวเตเปอร์ เป็นหนึ่งในหัวสกรูที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยความที่หัวสกรูเรียบแบนมีแฉก (+) สามารถใช้ดอกสว่านจับดอกไขควงขันสกรูไม้ฝาลงบนเหล็กหนาได้ถึง 3.2 มม. โดยไม่ต้องใช้สว่านเจาะรูนำ ส่วนปลายสว่านมีเกลียวแหลมคม แข็งแรง ทนต่อสนิม สามารถเจาะชิ้นงานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการขันยึดชิ้นงานอเนกประสงค์ เช่น ยึดโครงเหล็ก, ไม้ฝา, ยึดแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ และอื่นๆ
หัวกลมแฉก (หัว P)
หัวมีลักษณะโค้งมนแบนเล็กน้อย และใช้ไขควงแฉกขัน สามารถเจาะและยึดวัสดุได้โดยไม่ต้องเจาะรูนำ เพิ่มแรงยึดเกาะวัสดุให้แน่นหนา ทำจากเหล็กชุบซิงค์, สแตนเลส หรือเคลือบกันสนิม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการให้หัวสกรูคงอยู่บนพื้นผิววัสดุ เช่น งานโลหะบาง, งานติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า และงานยิปซัม
หัวเวเฟอร์ (Wafer)
สกรูปลายสว่าน หัวเวเฟอร์ (Wafer) หรือหัวบัททอน มีหัวแบนกว้างและบางกว่าหัวกลมทั่วไป จึงช่วยกระจายแรงกดได้ดี สามารถเจาะและยึดวัสดุได้โดยไม่ต้องเจาะรูนำ ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะวัสดุให้แน่นหนา มักทำจากเหล็กชุบซิงค์ หรือสแตนเลสเพื่อป้องกันสนิม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการกระจายแรงกดให้ทั่ว และลดการฉีกขาดของวัสดุ เช่น งานโครงคร่าวโลหะ, งานฝ้าเพดาน, ยิปซัม และไฟเบอร์ซีเมนต์
แนะนำวิธีการเลือกใช้งานหัว สกรูปลายสว่าน อย่างไรให้เหมาะสม
จากเนื้อหาในข้างต้นจะเห็นว่า สกรู ปลายสว่าน มีหลากหลายประเภท ซึ่งสกรูปลายสว่านแต่ละประเภทต่างก็มีคุณสมบัติ และวิธีการใช้งานแตกต่างกันออกไป ดังนั้นถ้าหากต้องการให้การยึดติดวัสดุมีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน ควรเลือกประเภทสกรูที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากองค์ประกอบเหล่านี้
- เลือกตามลักษณะของหัวสกรู ให้เหมาะกับวัสดุ การเลือกสกรูปลายสว่านตามลักษณะของหัวสกรูให้เหมาะกับวัสดุ เป็นสิ่งสำคัญเพราะส่งผลต่อ ความแข็งแรงในการยึดติด และความสะดวกในการติดตั้ง
- เลือกตามวัสดุที่ต้องการยึดติด เนื่องจากวัสดุแต่ละประเภท มีความแข็งและความเปราะแตกต่างกัน เช่น ไม้ หากใช้สกรูที่มีเกลียวหยาบเกินไปอาจทำให้ไม้แตกได้ ดังนั้นการเลือกสกรูปลายสว่านให้เหมาะกับวัสดุที่ต้องการยึดติด จะช่วยลดความเสียหายของวัสดุ และเพิ่มอายุการใช้งานของชิ้นงานมากขึ้น
- เลือกตามขนาดและความยาวของสกรู รวมถึงตามความหนาของวัสดุ เพื่อให้ยึดติดแน่นไม่หลวม ยกตัวอย่างเช่น หากสกรูสั้น ควรใช้กับวัสดุบาง เพื่อไม่ให้ทะลุออกด้านหลัง หากสกรูยาว ควรใช้กับวัสดุหนา เพื่อให้ยึดแน่นไม่หลุดง่าย
- เลือกวัสดุของสกรูให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น สแตนเลสใช้สำหรับงานภายนอก, พื้นที่ชื้น, ใกล้ทะเล ส่วนเหล็กชุบซิงค์ ใช้ภายในอาคาร ไม่โดนน้ำมาก ส่วนเหล็กเคลือบกันสนิม ใช้ในงานก่อสร้างหนัก, หลังคาเมทัลชีท
- เลือกตามความแข็งแรงของการยึดติด งานติดตั้งแต่ละประเภทมีระดับแรงกดและน้ำหนักที่แตกต่างกัน หากเลือกสกรูที่รับแรงไม่เพียงพอ อาจทำให้โครงสร้างหลวมหรือพังได้ ดังนั้นหากต้องการติดตั้งโครงเหล็ก ควรใช้สกรูหัวหกเหลี่ยมที่มีแรงบิดสูง หรือ งานที่ต้องการป้องกันรั่วซึม ควรใช้สกรูหัวหกเหลี่ยม + แหวนยาง EPDM เป็นต้น
Sendo Fastener จำหน่ายน็อตและสกรู คุณภาพสูง ราคาประหยัด
อยากติดตั้งงานโครงสร้างให้แข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย! ขอแนะนำ สกรูปลายสว่าน Sendo Fastener สกรูคุณภาพสูง ที่มีจำหน่ายทั้งในราคาปลีกและราคาส่งสำหรับผู้รับเหมา! ซึ่งโดยปกติแล้วจะขาย 100 ตัว / 1 แพค ส่วนราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของสกรู และจำนวนที่ผู้สั่งซื้อต้องการ ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้รับเข้าและจำหน่ายสกรูแล้ว ทางโรงงานของเรายังรับผลิตสกรูด้วย
ดังนั้นหมดกังวลเรื่องคุณภาพของสกรูไปได้เลย เพราะสกรูทุกชิ้นเราผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล ผลิตรวดเร็วทันใช้งาน และมีบริการหลังการขายอย่างครอบคลุม สำหรับลูกค้าท่านใดที่สนใจสั่งซื้อ สกรูปลายสว่าน หรือสกรูประเภทอื่นๆ กับทาง Sendo Fastener สามารถทักเข้ามาสอบถามราคาของสกรูแต่ละขนาด ผ่านทางไลน์ได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
Sendo Fastener แหล่งจำหน่าย สินค้าโลหะภัณฑ์ ได้มาตรฐาน ซื้อง่าย ครบ จบในที่เดียว!
หากคุณสนใจสั่งซื้อ สินค้าโลหะภัณฑ์ เหล็กสำหรับติดตั้งโครงสร้างเหล็ก หรือยึดแปเหล็ก รับรองว่าซื้อที่ Sendo Fasteners ได้สินค้าครบ จบในที่เดียว! เพราะที่ Sendo เราเป็นทั้งผู้ผลิต / นำเข้า และจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Fasteners and Metal works อาทิเช่น สกรู (น็อต), โลหะภัณฑ์ และ รับตัดแผ่นเพลท, J bolt / L bolt และยังสามารถผลิตสกรูตามสเป็กที่ลูกค้าต้องการ แบบ Made to Order (OEM)
ที่ Sendo เรามีความเข้าใจสินค้าและผู้ประกอบการเป็นอย่างดี สกรูทุกชิ้นผลิตจากโรงงานในประเทศไทย (Made in Thailand) ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล ผลิตสินค้าให้กับผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรม ทำให้ได้รับความไว้วางใจ เพราะ สามารถเข้าถึงการผลิตของเรา ได้ในทุกขั้นตอน ที่สำคัญหากคุณมีข้อสงสัยในเรื่องใด ทางเรามีทีมช่างที่พร้อมให้คำปรึกษาคุณ อย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับสินค้าภายในร้านทุกประเภท
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่
Line OA : @sendothailand
Phone : 033-166-999 / 062-398-9494
Facebook : sendothailand
Email : sale@sendothailand.jp
