เกรดของ สกรู คืออะไร ? มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

เมื่อต้องติดตั้งชิ้นงาน หลายๆ คนอาจคิดว่า สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง คือ การเลือกประเภทสกรูให้เหมาะสมกับงาน แต่อันที่จริงแล้วสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือ “เกรด” ของสกรู เพราะเกรดของสกรูไม่ได้บอกแค่ความแข็งแรง แต่เป็นตัวกำหนดว่าสกรูตัวนั้นเหมาะกับงานประเภทใดด้วยเช่นกัน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัย และความทนทานของโครงสร้าง สำหรับใครที่ต้องใช้สกรูเพื่อการติดตั้ง แต่ไม่รู้วิธีการเลือกใช้งาน วันนี้ Sendo Fastener จะชวนทุกท่านมาทำความรู้จัก สกรู และ น็อตแต่ละเกรด พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ว่าแต่ละเกรดแตกต่างกันอย่างไร

 

เกรดของ สกรู คืออะไร ?

สกรู

อย่างที่เกริ่นในข้างต้นว่า เกรดของสกรู เป็นตัวกำหนดว่าสกรูตัวนั้นเหมาะกับงานประเภทใด แต่หลายคนอาจจะยังคงสงสัยว่า แล้วเกรดของสกรูกำหนดการเลือกสกรูได้อย่างไร ? ในหัวข้อนี้ Sendo จึงอยากมาอธิบายในส่วนนี้เพิ่มเติม สำหรับ เกรดที่อยู่บนสกรูนั้น คือ ตัวเลขที่ใช้บอกความแข็งแรง และ คุณสมบัติทางกลของสกรูตัวนั้นๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมากในการเลือกใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าสกรูจะสามารถรับน้ำหนักและแรงกระทำต่างๆ ได้ โดยการดูเกรดสกรู มีความสำคัญดังนี้

  1. ความปลอดภัย – ช่วยให้คุณเลือกสกรูที่มีความแข็งแรง เหมาะสมกับประเภทงานที่ต้องรับน้ำหนักหรือแรงดึง เพื่อป้องกันการขาดหักหรือการเสียรูปของสกรู
  2. ความทนทาน – สกรูเกรดสูงจะมีคุณสมบัติทนต่อแรงสั่นสะเทือนและการสึกหรอได้ดีกว่า ทำให้การยึดติดแน่นหนาและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเกรดของสกรูจะแบ่งออกเป็น 2 ระบบ ได้แก่

  1. ระบบเมตริก (Metric) –  คือ ตัวเลขที่อยู่บนหัวของสกรู จะถูกระบุด้วยตัวเลข 2 ชุด ที่มีจุดทศนิยมคั่นกลาง เช่น 8.8, 10.9, หรือ 12.9 โดยตัวเลขตัวแรกจะแสดงถึง ค่าความต้านทานแรงดึงสูงสุด ยิ่งตัวเลขสูงสกรูจะยิ่งแข็งแรง สามารถรับแรงดึงได้มากขึ้น ส่วนตัวเลขตัวหลังแสดงถึงอัตราส่วนความสามารถในการรับแรงดึงที่จุดคราก (Yield Point) ซึ่งเป็นค่าความต้านทานที่สกรูจะเริ่มเสียรูปถาวรเมื่อถูกแรงดึง
  2. ระบบอิมพีเรียล (Imperial) – คือ สกรูที่ใช้หน่วยนิ้ว หรือมาตรฐานอื่นๆ เช่น SAE หรือ ASTM ซึ่งจะถูกระบุด้วยสัญลักษณ์ขีดบนหัวสกรูหรือตัวเลข เช่น Grade 2, Grade 5, หรือ Grade 8 โดยเกรดที่สูงกว่าจะมีความแข็งแรงมากกว่า

 

น็อต และ สกรู มีทั้งหมดกี่เกรด

สกรู

สำหรับเกรดของน็อตและสกรู มีหลายประเภทที่แบ่งตามมาตรฐานต่างๆ เช่น ISO, ASTM, และ SAE ซึ่งแต่ละมาตรฐานจะกำหนดเกรดของสกรูตามความแข็งแรง และคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยน็อตส่วนใหญ่จะใช้เกรด 8.8 และ 12.9 แต่เกรดของสกรูส่วนใหญ่ จะใช้เกรดเดียวคือ ลวดเหล็ก C1022 เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและคุ้มค่าต่อกระบวนการผลิตจำนวนมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เกรดของน็อตและสกรูสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้

  1. น็อต
    • เกรด 4.6 และ เกรด 4.8 – มีความแข็งแรงต่ำ เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่รับน้ำหนักมาก เช่น งานไม้หรืองานที่ต้องการความยืดหยุ่น
      • วัตถุดิบที่ใช้ คือ เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Steel)
    • เกรด 8.8 – มีความแข็งแรงปานกลางถึงสูง เหมาะสำหรับงานโครงสร้างทั่วไปที่ต้องการความแข็งแรงและทนทาน เช่น งานเครื่องกล งานเครื่องจักร งานยานยนต์ หรืองานโครงสร้างเหล็ก
      • วัตถุดิบที่ใช้ คือ เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลางหรือเหล็กอัลลอย (Medium Carbon Steel or Alloy Steel)
    • เกรด 10.9 – มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการรับแรงดึงสูง เช่น งานในอุตสาหกรรมยานยนต์หรือเครื่องจักรหนัก
      • วัตถุดิบที่ใช้ คือ เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลางที่ผ่านการอบชุบแข็ง (Medium Carbon Steel with Heat Treatment)
    • เกรด 12.9 – มีความแข็งแรงสูงมาก เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูงและรับแรงมาก เช่น งานอุตสาหกรรมหนักหรือการประกอบชิ้นส่วนที่ต้องการความมั่นคงสูง
      • วัตถุดิบที่ใช้ คือ เหล็กอัลลอยที่ผ่านการอบชุบแข็ง (Alloy Steel with Heat Treatment)
  2. สกรู
    • ลวดเหล็ก C1022 – คือวัสดุยอดนิยมที่ใช้ในการผลิตสกรู และตะปูประเภทต่างๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการนำไปขึ้นรูปด้วยวิธี Cold Heading โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการความร้อน ทำให้สกรูที่ได้มีความแข็งแรงและทนทาน เป็นสกรูเกรดความแข็ง 4.6, 4.8 และ 5.8 ซึ่งเหมาะสำหรับงานทั่วไป และเป็นเกรดที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตสกรูส่วนใหญ่ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและคุ้มค่าต่อกระบวนการผลิตจำนวนมาก ได้แก่
      • สกรูปลายสว่าน (Self-Drilling Screws) – สกรูที่มีปลายคล้ายดอกสว่าน ใช้เจาะทะลุแผ่นโลหะหรือวัสดุอื่นได้โดยไม่ต้องเจาะรูนำ
      • สกรูยึดผนังเบา (Drywall Screws) – สกรูที่ใช้ยึดแผ่นยิปซั่มเข้ากับโครงเหล็กหรือโครงไม้
      • สกรูสำหรับงานไม้ (Chipboard Screws) – สกรูที่มีเกลียวหยาบและคม ใช้ยึดแผ่นไม้และวัสดุไม้อัดได้อย่างแน่นหนา

ทั้งนี้ในการเลือกวัตถุดิบเพื่อผลิตน็อตและสกรูสั่งทำ จะขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการของงานนั้นๆ หากต้องการความแข็งแรงสูง ควรเลือกใช้เหล็กกล้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และผ่านกระบวนการอบชุบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง หากต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อน ควรเลือกใช้สเตนเลสที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ

 

สกรู แต่ละเกรดมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

สกรู

จากเนื้อหาในข้างต้นจะเห็นว่า ความแตกต่างหลักๆ ของสกรูแต่ละเกรดคือ ความแข็งแรง และ คุณสมบัติทางกล ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการรับแรงดึง (Tensile Strength) และแรงบิด (Torque) โดยเกรดที่สูงกว่าจะมีความแข็งแรงมากกว่า และเหมาะสำหรับงานที่ต้องรับภาระหนักมากขึ้น แต่ทางที่ดีแนะนำว่า ควรเลือกให้เหมาะสมกับงาน เพราะการใช้สกรูเกรดต่ำในงานที่ต้องรับแรงสูง อาจทำให้เกิดอันตรายได้ ในทางกลับกัน การใช้สกรูเกรดสูงในงานทั่วไปอาจเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นเช่นกัน

 

Sendo Fastener รับผลิตสกรูคุณภาพสูง ทุกเกรด ความต้องการของลูกค้า

สำหรับลูกค้าท่านไหนสนใจสั่งซื้อ / สั่งผลิตน็อต สกรู ที่ Sendo Fastener มีน็อตและสกรูให้เลือกหลากหลายเกรด ไม่ว่าจะเป็น เกรด 4.8 เกรดมาตรฐานที่เหมาะสำหรับงานทั่วไป, เกรด 8.8 เกรดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในงานโครงสร้าง, เกรด 10.9 เกรดที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องรับแรงดึงสูงมาก หรือเกรด 12.9 ที่มีความแข็งแรงสูงสุด เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมหนัก เราก็มีให้คุณเลือก ดังนั้นหากคุณสนใจสั่งซื้อ น็อตหรือสกรูที่ Sendo คุณสามารถเลือกเกรดที่เหมาะสมกับลักษณะงานของคุณได้ ตั้งแต่เกรดทั่วไปจนถึงเกรดสำหรับงานหนัก เพียงสั่งปุ๊บ เราก็พร้อมส่งปั๊บ พร้อมทันใช้งานแน่นอน!

 

Sendo Fastener แหล่งจำหน่าย สินค้าโลหะภัณฑ์ ได้มาตรฐาน ซื้อง่าย ครบ จบในที่เดียว!

หากคุณสนใจสั่งซื้อ สินค้าโลหะภัณฑ์ เหล็กสำหรับติดตั้งโครงสร้างเหล็ก หรือยึดแปเหล็ก รับรองว่าซื้อที่ Sendo Fastener ได้สินค้าครบ จบในที่เดียว! เพราะที่ Sendo เราเป็นทั้งผู้ผลิต / นำเข้า และจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Fasteners and Metal works อาทิเช่น สกรู (น็อต), โลหะภัณฑ์ และ รับตัดแผ่นเพลท, J bolt / L bolt และยังสามารถผลิตสกรูตามสเป็กที่ลูกค้าต้องการ แบบ Made to Order (OEM)

ที่ Sendo เรามีความเข้าใจสินค้าและผู้ประกอบการเป็นอย่างดี สกรูทุกชิ้นผลิตจากโรงงานในประเทศไทย (Made in Thailand) ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล ผลิตสินค้าให้กับผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรม ทำให้ได้รับความไว้วางใจ เพราะ สามารถเข้าถึงการผลิตของเรา ได้ในทุกขั้นตอน ที่สำคัญหากคุณมีข้อสงสัยในเรื่องใด ทางเรามีทีมช่างที่พร้อมให้คำปรึกษาคุณ อย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับสินค้าภายในร้านทุกประเภท

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่

Line OA : @sendothailand
Phone : 033-166-999 / 062-398-9494
Facebook : sendothailand
Email : sale@sendothailand.jp

Shopping cart

0
image/svg+xml

No products in the cart.

Continue Shopping